fbpx

ข่าวดีสำหรับคนที่มีแผนจะหันไปใช้รถEV ครม.อนุมัติ ลดภาษียานยนต์พลังงานไฟฟ้า และ สนับสนุนเงิน สูงสุด 150,000

ลดภาษีรถไฟฟ้า

ข่าวดีสำหรับคนที่มีแผนจะหันไปใช้รถEV ครม.อนุมัติ ลดภาษียานยนต์พลังงานไฟฟ้า และ สนับสนุนเงิน สูงสุด 150,000

จากข่าวล่าสุดที่ถือว่าเป็นข่าวดีในวงการยานยนต์ของไทยและข่าวดีสำหรับคนที่วางแผนจะออกรถพลังงานสะอาดที่ใช้ไฟฟ้า 100% ทั้งประเภท รถยนต์ รถกระบะ และรถจักรยานยนต์

จากผลการประชุมจาก ครม.ยืนยันแล้วว่าได้อนุมัติ มาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยเน้นการลงทุนและการผลิตจากภายในประเทศเป็นหลัก

สำหรับ รายละเอียดมาตรการแบ่งเป็นมาตรการทางภาษี และมาตรการที่ไม่ใช่ทางภาษี แบ่งออกเป็น 6 ข้อ ตามประเภทของรถยนต์ EV ได้แก่

1.กรณีรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน (รถยนต์นั่งฯ) BEV ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ในส่วนของมาตรการภาษี จะให้นำเข้า CBU ที่ได้รับสิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรี โดยหากมีอากรไม่เกิน 40% ให้ยกเว้น หากมีอากรเกิน 40% ให้ลดอัตราอากรลงอีก 40% ปรับลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่ง ประเภท BEV จากเดิม 8% เหลือ 2% ในปี 2565 – 2568

ให้เงินอุดนหนุน 70,000 บาทต่อคัน สำหรับแบตเตอรี่ตั้งแต่ 10 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป ส่วนที่แบตเตอรี่ที่มีขนาด 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงขึ้นไป ได้เงินอุดหนุน 1.5 แสนบาทต่อคัน

2.กรณีรถยนต์นั่งที่ขนาดตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป ประเภท BEV ที่มีราคามากกว่า 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 7 ล้านบาท  ครม.เห็นชอบให้ปรับลดอากรศุลกากรในปี 2565 – 2566  คือ การนำเข้ารถ CBU หากอากรไม่เกิน 20% ให้ได้รับยกเว้นอากร หากอากรเกิน 20% ให้ลดอากรลงอีก 20%  ส่วนอัตราอากรนำเข้าให้ลดเหลือ 60% และปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งฯประเภท BEV จาก 8% เหลือ 2% ในปี 2565 – 2568

3.รถยนต์กระบะ BEV ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท ได้เงินอุดหนุน 1.5 แสนบาทต่อคัน เฉพาะรถยนต์กระบะที่ผลิตในประเทศ (CKD) และมีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป

4.กรณีรถจักรยานยนต์ ประเภท BEV ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 1.5 แสนบาท โดยมีมาตรการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตตามมูลค่า 1%  สำหรับรถจักรยานยนต์ประเภท BEV ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตประกาศกำหนด

โดยในส่วนของเงินอุดหนุนจะให้ 18,000 บาท ต่อคัน สำหรับรถจักรยานยนต์ประเภท BEV ครอบคลุมทั้งกรณีจักรยานยนต์ที่ผลิตในประเทศ และการนำเข้าจากต่างประเทศทั้งคัน

5.การผลิตหรือประกอบรถยนต์ BEV ในประเทศ ในเขตปลอดภาษีอากรหรือเขตประกอบการเสรีในปี 2565 – 2568 โดยอนุมัติให้มีการนับมูลค่าของ Cell แบตเตอรี่ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศสำหรับ การนำมาผลิตเป็นแบตเตอรี่ และนำไปผลิตหรือประกอบเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (ประเภท BEV) ในเขตปลอดอากร (Free Zone) หรือเขตประกอบการเสรี รวมเป็นต้นทุนการผลิตที่เกิดขึ้นในประเทศ สำหรับการคำนวณมูลค่าเพิ่มในประเทศได้ไม่เกิน 15% ของราคายานยนต์ไฟฟ้า (BEV) หน้าโรงงาน เพื่อส่งเสริมการลงทุนใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศ

6. สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตหรือประกอบภายในประเทศ เห็นควรส่งเสริมให้ใช้ชิ้นส่วนที่มีการนำเข้าในช่วงระยะเวลา ในปี 2565 – 2568 ประกอบด้วย แบตเตอรี่ Traction Motor คอมเพรสเซอร์สำหรับยานพาหนะไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ (BMS) ระบบควบคุมการขับขี่ (DCU) On-Board Charger PCU inverter DC/DC Converter และ Reduction Gear รวมทั้งส่วนประกอบของชิ้นส่วนดังกล่าว ให้ได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้าตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิ์ โดยให้สถาบันยานยนต์ เป็นผู้รับรองชิ้นส่วนสำคัญและชิ้นส่วนย่อยเพื่อลดอากรขาเข้าเพิ่มเติมต่อไป

Aestoma01 thailand

Leave a Comment

Your email address will not be published.*